คำนำ
บริษัท เอเวอร์กรีน คอนเทนเนอร์ เทอร์มินัล (ประเทศไทย) จำกัด ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ในการดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ เชื่อมั่นว่าการดำเนินงานอย่างรับผิดชอบและยั่งยืนเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จระยะยาวและการสร้างผลกระทบเชิงบวก จรรยาบรรณคู่ค้าฉบับนี้จึงเป็นกรอบการดำเนินงานที่สร้างความมั่นใจว่าคู่ค้าของบริษัทฯ จะต้องปฏิบัติสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของบริษัทฯ ในการปฏิบัติตามหลักจริยธรรมทางธุรกิจ การดูแลสิ่งแวดล้อม และความรับผิดชอบต่อสังคม การปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณคู่ค้านี้ยังเป็นการสนับสนุนความมุ่งหมายของบริษัทฯ ที่ต้องการมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สังคมที่เท่าเทียม ยืดหยุ่น และใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อมดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจร่วมกับคู่ค้าที่น้อมรับหลักปฏิบัติจรรยาบรรณคู่ค้าฉบับนี้ และมีการพัฒนาปรับปรุงการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง ภายใต้ความมุ่งมั่นร่วมกัน บริษัทฯ จะสามารถสร้างสมดุลระหว่างความสามารถในการทำกำไร ความเป็นอยู่ที่ดีของสังคม และการรักษาสิ่งแวดล้อมได้อย่างกลมกลืน
คำนิยาม
คู่ค้า หมายถึง ผู้ขายสินค้า ผู้รับจ้าง และ / หรือ ให้บริการ แก่ บริษัท เอเวอร์กรีน คอนเทนเนอร์ เทอร์มินัล (ประเทศไทย) จำกัด
ขอบเขต
ขอบเขตการปฏิบัติตามจรรยาบรรณคู่ค้าฉบับนี้ครอบคลุมคู่ค้าทุกรายที่จัดหาสินค้าหรือบริการให้กับบริษัทเอเวอร์กรีน คอนเทนเนอร์ เทอร์มินัล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งรวมถึงคู่ค้าโดยตรง ผู้รับเหมาช่วง และพันธมิตรทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องในห่วงโซ่อุปทานของบริษัทฯ บริษัทฯ คาดหวังว่า คู่ค้าจะถ่ายทอดข้อกำหนดเหล่านี้ไปยังคู่ค้าของตน เพื่อให้มั่นใจว่าตลอดห่วงโซ่อุปทานทั้งหมดของบริษัทฯ จักยอมรับการปฏิบัติตามจรรยาบรรณฉบับนี้
การบังคับใช้ของจรรยาบรรณคู่ค้า
การปฏิบัติตามจรรยาบรรณฉบับนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อบริษัทฯ และเป็นส่วนสำคัญของเงื่อนไขทางการค้า และข้อตกลงตามสัญญา ที่ใช้ในการพิจารณากับคู่ค้า สำหรับ จรรยาบรรณคู่ค้า จะดำเนินการทบทวนเป็นประจำทุกปี หรือในกรณีที่เกิดสถานการณ์ที่สำคัญ เพื่อให้มั่นใจว่ายังคงสอดคล้องกับเงื่อนไขทางธุรกิจปัจจุบัน
ฝ่ายบริหารงานทั่วไป รวมถึงหน่วยงานใดๆที่ดำเนินการและเกี่ยวข้องกับการคัดเลือกและทำสัญญากับคู่ค้าของบริษัทฯ มีความรับผิดชอบในการบังคับใช้หลักจรรยาบรรณคู่ค้าฉบับนี้กับคู่ค้าของตน โดยจะตรวจสอบการปฏิบัติตาม และจัดทำรายงานการปฏิบัติตามจรรยาบรรณคู่ค้าเป็นประจำทุก 2 ปี เสนอต่อกรรมการผู้อำนวยการใหญ่
การสื่อสารจรรยาบรรณคู่ค้า
ฝ่ายบริหารงานทั่วไป รวมถึงหน่วยงานใดๆที่ดำเนินการและเกี่ยวข้องกับการคัดเลือกและทำสัญญากับคู่ค้าของบริษัทฯ มีอำนาจบริหาร มีหน้าที่รับผิดชอบในการสื่อสารจรรยาบรรณคู่ค้าให้กับคู่ค้าของตน โดยต้องดำเนินการนำส่งจรรยาบรรณคู่ค้าให้กับคู่ค้าทุกราย และขอให้คู่ค้าลงนามรับทราบจรรยาบรรณคู่ค้า ในกรณีที่มีการปรับปรุงจรรยาบรรณคู่ค้า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องดำเนินการสื่อสารจรรยาบรรณคู่ค้าที่แก้ไขใหม่ให้กับคู่ค้าทุกราย นอกจากนี้ควรจัดให้มีการการอบรมคู่ค้าเพื่อสร้างการรับรู้ และความเข้าใจในเนื้อหาและเจตนารมณ์ของจรรยาบรรณคู่ค้า อันจะนำไปสู่การปฏิบัติที่ถูกต้องและเป็นไปตามความคาดหวังของบริษัทฯ
1. จริยธรรมทางธุรกิจ (Business Ethics)
1.1. ความซื่อสัตย์สุจริตทางธุรกิจ
คู่ค้าต้องปฏิบัติตามกฎหมาย และกฎระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจด้วยความ สุจริต โปร่งใส มีจริยธรรม และตรวจสอบได้ รวมทั้งไม่มีส่วนร่วมในการดำเนินการใดๆที่เข้าข่าย และ/หรือมีความเสี่ยงต่อการทุจริตคอร์รัปชั่นในทุกรูปแบบ
1.2 การกีดกันทางการค้า
คู่ค้าต้องปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายด้วยความรับผิดชอบและเป็นธรรม เปิดกว้างในการให้ โอกาสที่เท่าเทียมกันในการแข่งขัน และไม่มีส่วนร่วมในการกระทำที่เป็นปรปักษ์ต่อการแข่งขันทาง การค้า
1.3. การเก็บรักษาความลับ
คู่ค้าต้องเคารพและเก็บรักษาความลับของบริษัท เอเวอร์กรีน คอนเทนเนอร์ เทอร์มินัล (ประเทศไทย) จำกัด และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยห้ามไม่ให้เปิดเผย เผยแพร่ ทำซ้ำ อ้างอิง และไม่นำข้อมูลที่สำคัญทางธุรกิจ ตลอดจนข้อมูล ความลับที่เกี่ยวข้องกับบริษัท เอเวอร์กรีน คอนเทนเนอร์ เทอร์มินัล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียไปใช้โดยไม่ได้รับ ความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจากบริษัท เอเวอร์กรีน คอนเทนเนอร์ เทอร์มินัล (ประเทศไทย) จำกัด และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ดังกล่าว
1.4. การเปิดเผยรายงาน และเอกสารของคู่ค้า
คู่ค้าต้องเปิดเผยข้อมูล แสดงหลักฐานหรือเอกสารรับรองของตนเองตามที่กฎหมายกำหนด อย่าง ถูกต้อง ครบถ้วน โปร่งใส และสามารถเข้าใจได้
1.5. การเคารพทรัพย์สินทางปัญญา
คู่ค้าต้องดำเนินธุรกิจภายใต้กฎหมาย หรือข้อกำหนดที่เกี่ยวกับสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา รวมทั้ง ตระหนักถึงความสำคัญของการเคารพในทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่น และระมัดระวังไม่ให้มีการ ละเมิดสิทธิดังกล่าวเกิดขึ้น
1.6. ผลประโยชน์ทับซ้อน
บริษัท เอเวอร์กรีน คอนเทนเนอร์ เทอร์มินัล (ประเทศไทย) จำกัด ได้ยึดถือคุณธรรมและจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจ จึงคาดหวังให้คู่ค้าไม่นำผลประโยชน์ส่วนตนเข้ามาเกี่ยวข้องในกระบวนการดำเนินธุรกิจ และต้องไม่แสวงหา ผลประโยชน์ส่วนตน หรือเอื้อประโยชน์ให้แก่บุคคลใกล้ชิด จากตำแหน่งหน้าที่ อีกทั้งต้องไม่ ดำเนินการใดๆ ที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน หรือมีส่วนได้ส่วนเสียระหว่างคู่ค้ากับบุคลากรของ บริษัท เอเวอร์กรีน คอนเทนเนอร์ เทอมินัล (ประเทศไทย) จำกัด
2. แรงงานและสิทธิมนุษยชน (Labor Practice and Human Rights)
2.1. การปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน
คู่ค้าต้องปฏิบัติตามข้อบังคับกฎหมายแรงงาน และสอดคล้องตาม หลักสิทธิมนุษยชนในระดับสากล เช่น องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (International Labor Organization; ILO) ข้อตกลงประชาคมโลกแห่งสหประชาชาติ (United Nations Global Compact: UNGC),ปฏิญญาสากลว่าด้วยหลักสิทธิมนุษยชน (United Nations Universal Declaration of Human Rights: UNUDHR) เป็นต้น ทั้งนี้หากมีความจำเป็นต้องว่าจ้างเด็ก หรือเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่าเกณฑ์ สตรีมีครรภ์ ผู้พิการ หรือ ทุพพลภาพ และแรงงานต่างด้าว คู่ค้าต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายแรงงานกำหนดอย่าง สมบูรณ์ครบถ้วน
2.2. การไม่เลือกปฏิบัติ และไม่คุกคาม
คู่ค้าต้องปฏิบัติต่อพนักงานทุกคนอย่างเสมอภาค และเท่าเทียมกัน โดยคำนึงถึงมนุษยธรรมเป็นหลัก ปราศจากการเลือกปฏิบัติอันมีสาเหตุมาจากความแตกต่างด้าน เชื้อชาติ สีผิว เผ่าพันธุ์ สัญชาติ ศาสนา เพศ อายุ การศึกษา สิทธิความเป็นพลเมือง ความนิยมทาง เพศ ความพิการ หรือเรื่องอื่นใดที่กำหนดภายใต้กฎหมายของประเทศที่คู่ค้าประกอบธุรกิจอยู่ ซึ่งมีผลครอบคลุมตลอดสัญญาของการว่าจ้าง
คู่ค้ามุ่งมั่นเพื่อที่จะสร้างความมั่นใจว่าจะสร้างสภาพแวดล้อมที่ ปราศจากการล่วงละเมิดหรือการใช้อำนาจโดยมิชอบ คู่ค้าจะไม่ยอมให้มีการล่วงละเมิดทางร่างกาย ทางเพศ และที่ไม่ใช่ทางเพศ ตลอดจนความรุนแรงและการล่วงละเมิดในรูปแบบอื่นใดต่อพนักงานของตน
2.3. การไม่บังคับใช้แรงงาน
คู่ค้าต้องไม่กระทำหรือสนับสนุนให้มีการบังคับใช้แรงงาน ซึ่งรวมถึง การลงโทษทางกาย การขู่เข็ญ การคุกคาม การล่วงละเมิด การค้ามนุษย์ หรือการใช้ความรุนแรงไม่ ว่าจะอยู่ในรูปแบบใดก็ตาม
2.4. แรงงานเด็ก
คู่ค้าจะต้องไม่จ้างแรงงานเด็ก ตามหลักการมาตรฐานสากลและตามกฎหมายของประเทศที่คู่ค้าเข้าไปดำเนินธุรกิจ โดยคู่ค้าจะไม่จ้างแรงงานเด็กที่มีอายุต่ำกว่าอายุ 15 ปี และสำหรับการปฏิบัติงานที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ความปลอดภัย คู่ค้าจะไม่จ้างบุคคลที่มีอายุ ต่ำกว่า 18 ปี
2.5. ค่าจ้าง สิทธิประโยชน์ และระยะเวลาการทำงาน
คู่ค้าต้องมีมาตรฐานการจ้างงาน และการเลิกจ้างที่ชัดเจน และ สอดคล้องกับข้อกำหนดทางกฎหมาย และกฎระเบียบ
คู่ค้าต้องปฏิบัติตามกฎหมายในเรื่องชั่วโมงการทำงาน ทั้งการ ปฏิบัติงานปกติ และการทำงานล่วงเวลา บริหารจัดการเวลาอย่างเหมาะสมโดยไม่ให้พนักงาน ทำงานเป็นเวลานานเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และต้องเป็นไปตามความสมัครใจของลูกจ้างกรณีที่ มีความจำเป็นต้องทำงานล่วงเวลา รวมทั้งต้องจัดให้มีวันหยุด และวันลาไม่น้อยกว่าที่กฎหมาย แรงงานกำหนด
คู่ค้าต้องดำเนินการบริหารจัดการค่าตอบแทนที่เหมาะสมตามระดับ ความรู้ ความสามารถ รวมถึงการดำเนินการจ่ายค่าจ้าง ค่าทำงานล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด และสวัสดิการที่พนักงานพึงได้รับอย่างถูกต้องเป็นธรรม ตามอัตราที่กฎหมายกำหนด และตรงตาม กำหนดเวลา
2.6. การให้เสรีภาพในการสมาคมและการร่วมเจรจาต่อรอง
คู่ค้าจะต้องมุ่งมั่นในการให้สิทธิแก่ลูกจ้างในการมีส่วนร่วมในการเจรจา ต่อรอง และก่อตั้งหรือเข้าร่วมคณะกรรมการลูกจ้างของคู่ค้าอย่างอิสระตามสิทธิ เพื่อเป็นตัวแทน และแสดงถึงการปกป้องสิทธิที่ลูกจ้างพึงมี
3. อาชีวอนามัยและความปลอดภัย (Occupational Health and Safety)
3.1. การปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบ ข้อบังคับ ด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม
คู่ค้าต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบ และปฏิบัติตามพระราชบัญญัติเรื่อง อาชีวอนามัย กฎหมาย กฎระเบียบ และข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมไปถึงการช่วย สอดส่องดูแลเพื่อป้องกัน หรือแก้ไขกรณีประสบพบเห็นความไม่ปลอดภัยต่อชีวิต สุขอนามัย ทรัพย์สิน และสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างถูกต้องเหมาะสมต่อไป
3.2. ความปลอดภัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน
คู่ค้าภายในและภายนอกองค์กร ต้องดำเนินการด้านความปลอดภัยของ ลูกจ้าง โดยจัดให้มีโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ระบบการจัดการ สิ่งอำนวยความสะดวก อุปกรณ์ในการ ปฐมพยาบาล สถานที่ปฏิบัติงาน ที่เหมาะสม ปลอดภัย และถูกสุขอนามัย เพื่อลดและควบคุมความ เสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และผลกระทบต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการปฏิบัติงาน รวมถึงมีการ เตรียมพร้อมรับมือและมีแนวทางในการควบคุมสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อลดความสูญเสียทั้งทางตรง และทางอ้อม
3.3. อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล
คู่ค้าต้องจัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลอย่าง เพียงพอ เหมาะสม และพร้อมใช้งาน ตามมาตรฐานที่เกี่ยวกับความปลอดภัย และตามคำแนะนำ ของผู้ผลิต เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้รับความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน พร้อมทั้งส่งเสริม และ ตรวจสอบการสวมใส่อุปกรณ์รักษาความปลอดภัยต่างๆ ในพื้นที่ และระหว่างการปฏิบัติงาน ตลอดเวลา
4. สิ่งแวดล้อม (Environment)
4.1. การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม
คู่ค้าต้องดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และปฏิบัติ ตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ และมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมในระดับสากล หรือทัดเทียมกัน
คู่ค้าจะต้องมีนโยบาย หรือมาตรการในการใช้ทรัพยากร ตลอดจน กระบวนการดําเนินงานตามมาตรฐานภายในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) อย่างมีประสิทธิภาพ คู่ค้าต้องดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนมีมาตรการป้องกัน แก้ไข และลดผลกระทบของมลภาวะที่อาจเกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเลือกใช้สารเคมีหรือวัตถุดิบในการผลิตที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ได้มาตรฐาน ไม่เป็นอันตรายหรือ ทำลายระบบนิเวศทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งส่งเสริมให้บุคลากรได้มีส่วนร่วมใน ความผิดชอบต่อการใช้ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมอย่างเหมาะสม และมีประสิทธิภาพสูงสุด
4.2. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
บริษัท เอเวอร์กรีน คอนเทนเนอร์ เทอมินัล (ประเทศไทย) จำกัด มุ่งเน้นให้คู่ค้าเลือกใช้สินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และระมัดระวังในการดำเนินการใดที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยใช้พลังงานในสถาน ประกอบการอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่า ไม่ตัดไม้ทำลายป่า ทำลายระบบนิเวศ หรือทำให้เกิด ความสูญเสียต่อความหลากหลายทางชีวภาพ คู่ค้าต้องมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม โดยใช้ทรัพยากร อย่างมีประสิทธิภาพ
รวมถึงการดำเนินการร่วมกับบริษัท เอเวอร์กรีน คอนเทนเนอร์ เทอมินัล (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อส่งเสริมการ พัฒนาความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การดำเนินการปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อลดการปล่อย ก๊าซเรือนกระจก เป็นต้น คู่ค้าต้องมีมาตรการในการคัดเลือกผู้จัดจำหน่ายสินค้าและบริการ และผู้รับเหมาช่วง เพื่อให้มั่นใจว่ามีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงมีการ แจ้งให้บริษัท เอเวอร์กรีน คอนเทนเนอร์ เทอมินัล (ประเทศไทย) จำกัด ที่เกี่ยวข้องรับทราบหากมีการใช้วัตถุอันตราย หรือใช้สารเคมี ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในการผลิต หรือการให้บริการ ตลอดจนมีแผนการบริหารจัดการของ เสียจากการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด และไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชน และสังคม
5. การมีส่วนร่วมพัฒนาสังคม (Social Development Participation)
คู่ค้าควรมีส่วนผลักดันการดำเนินธุรกิจอย่างมีจิตสำนึกและรับผิดชอบต่อ การพัฒนาสังคมร่วมกัน อีกทั้งต้องมีความเคารพในวัฒนธรรมท้องถิ่น และมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพ ชีวิต สร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามโอกาส และความเหมาะสม พร้อมทั้งสนับสนุนการจัดหาสินค้า และ บริการจากผู้ขายสินค้าและบริการในท้องถิ่น มีการส่งเสริมการใช้วัตถุดิบ และผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่นที่มี มาตรฐาน และสามารถสร้างงาน สร้างรายได้ ซึ่งเป็นพลังการขับเคลื่อนของชุมชน อันจะส่งให้เกิดผล ประโยชน์ร่วมได้อย่างมีนัยสำคัญ และนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งในระดับท้องถิ่น และระดับประเทศ
6. ช่องทางร้องเรียน แจ้งเบาะแส และรับฟังความคิดเห็น
คู่ค้าแต่ละรายมีสิทธิในการสอบถามข้อมูล แจ้งเบาะแส หรือร้องเรียนการกระทำที่ละเมิด จรรยาบรรณคู่ค้าฉบับนี้ ในกรณีที่ท่านพบเห็นการกระทำที่สงสัยว่าฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ จรรยาบรรณ หรือนโยบายกำกับดูแลกิจการของบริษัท เอเวอร์กรีน คอนเทนเนอร์ เทอร์มินับ (ประเทศไทย) จำกัด สามารถแจ้ง เบาะแส หรือร้องเรียน พร้อมส่งรายละเอียดหลักฐานต่างๆ ในช่องทางดังต่อไปนี้
เลขที่ 21 ถนนไอซีดี แขวงคลองสามประเวศเขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร 10520
7. การยกเลิกสถานะคู่ค้า
คู่ค้าที่ฝ่าฝืนข้อปฏิบัติของจรรยาบรรณคู่ค้า (Supplier Code of Conduct)ฉบับนี้ จะถูกพิจารณา ยกเลิกสถานะคู่ค้าในทะเบียนคู่ค้า (Approved Vendor List) ของระบบจัดซื้อจัดจ้าง
© 2023 Evergreen Container Terminal (Thailand) Ltd.All rights reserved.